วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ภายในสวนเกอเก็นฮอฟ (Keukenhof) ที่เมืองลีสเสะ (Lisse) ประเทศเนเธอร์แลนด์ นอกจากจะเป็นสวนสวยที่ร่มรื่นและชวนตื่นตาไปกับดอกทิวลิปหลากสีสันแล้ว ยังมีหอแสดงพืชพันธุ์ไม้อยู่อีก 4 แห่งด้วยกัน หนึ่งในจำนวนนั้นมีชื่อว่า Willem Alexander Pavilion ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามพระนามของเจ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ Orange ของเนเธอร์แลนด์ หอแห่งนี้ใช้แสดงทิวลิปพันธุ์ต่าง ๆ และดอกไม้อื่น ๆ แต่หลังจากช่วงต้นเดือนพฤษภาคมเมื่อดอกทิวลิปเริ่มโรยรา ก็จะมีการนำดอกลิลลี่มาจัดแสดงให้ชมแทน.
ดอกลิลลี่ได้ชื่อว่าเป็นดอกไม้แห่งเจ้าหญิง ชื่อภาษาอังกฤษใช้ว่า Lily แต่ถ้าเป็นชื่อทางวิชาการก็จะเรียกว่า Lilium hybrids ลิลลี่เป็นพืชประเภทที่มีหัวอยู่ใต้ดินเช่นเดียวกับดอกทิวลิป แต่ที่ดูจะเหนือกว่าก็คือดอกลิลลี่มีกลิ่นหอมซึ่งดอกทิวลิปไม่มี ส่วน หัว หรือ Bulb ที่ว่าก็คือลำต้นซึ่งใช้สะสมอาหารอยู่ใต้ดินของพืชกลุ่มนี้ เมื่อหัวของดอกลิลลี่มีการพัฒนาเจริญเติบโตเต็มที่ ยอดใหญ่ก็จะกลายเป็นลำต้นโผล่ขึ้นเหนือดิน ส่วนยอดก็จะแตกออกเป็นช่อดอก ที่มี 6 กลีบแยกออกจากกัน ใจกลางมีเกสรตัวผู้ชูให้เห็นเด่น
ลิลลี่เป็นได้ทั้งไม้ตัดดอกและไม้กระถาง บ่อยครั้งที่เคยเห็นการมอบให้ดอกลิลลี่กันทั้งกระถาง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการให้ที่เปล่าประโยชน์ เพราะเมื่อดอกลิลลี่ในกระถางถึงวาระของการโรยราแล้ว แต่ต้นก็ยังไม่ตาย ยังสามารถนำรากไปใช้ปลูกได้อีก

ลิลลี่เป็นดอกไม้เมืองหนาว ต้นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชียแถว ๆ จีนและญี่ปุ่นนี่เอง เป็นดอกไม้ที่มีสีสันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีขาว สีชมพู สีเหลือง สีส้ม สีแดง หรือมีสองสีในดอกเดียวกัน บางสายพันธุ์มีจุดกระบนกลีบดอกดูสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
เสน่ห์ความงามและกลิ่นหอมของดอกลิลลี่ ทำให้ร้านดอกไม้หลายเจ้านำชื่อลิลลี่มาตั้งเป็นชื่อทำการค้า และยังเป็นดอกไม้ที่บรรดาร้านดอกไม้มีความต้องการที่จะได้มาจำหน่าย แม้จะมีราคาสูงแต่ดอกลิลลี่ก็มียอดการซื้อขายสูงเป็นอันดับที่ห้า รองลงมาจาก ดอกกุหลาบ ดอกเบญจมาศ ดอกทิวลิป และดอกคาร์เนชัน